ขนมวันสารทเดือนสิบ
ประวัติวันสารทเดือนสิบ
วันสารทเดือนสิบเป็นงานทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ปู่ย่าตายายญาติพี่น้องและ
บุคคลอื่น ๆ ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยจะจัดขึ้นในเดือน 10 ของทุกปี จะมีการทำบุญในสองวันคือ
วันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 ครั้นหนึ่ง
และวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 อีกครั้งหนึ่ง
โดยถือคติว่า พ่อแม่ปู่ย่าตายายและญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้วโดยเฉพาะ
ผู้ที่ต้องตกนรกหรือเรียกว่าเปรตนั้น จะได้รับอนุญาตให้มาพบกับญาติ
ของตนในเมืองมนุษย์ได้ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 และกลับไปสู่นรก ดังเดิม ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10
ดังนั้น จึงมีการทำบุญเพื่ออุทิศกุศลให้ปู่ย่าตายายญาติพี่น้องและ
บุคคลอื่น ๆ ที่ล่วงลับไปแล้ว ในสองวัน ดังกล่าวนี้ แต่ส่วนใหญ่จะทำบุญกันในวัน
วันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 มากกว่า
(บางท้องถิ่นทำในวันแรม 14 ค่ำ เดือน 10)
ความสำคัญ
เป็นความเชื่อของพุทธศาสนิกชน
ที่เชื่อว่า ปู่ย่าตายายญาติพี่น้องและ บุคคลอื่น ๆ ที่ล่วงลับไปแล้ว หากทำความชั่วจะตกนรกกลายเป็นเปรต
ต้องทนทุกข์ทรมานในอเวจี ต้องอาศัยผลบุญที่ลูกหลานอุทิศส่วนกุศลให้แต่ละปีมายังชีพ
ดังนั้นในวันแรม ๑ ค่ำเดือนสิบ คนบาปทั้งหลายที่เรียกว่าเปรตจึงถูกปล่อยตัวกลับมายังโลกมนุษย์เพื่อมาขอส่วนบุญจากลูกหลานญาติพี่น้อง
และจะกลับไปนรกในวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือนสิบ ในโอกาสนี้เองลูกหลานและผู้ยังมีชีวิตอยู่จึงนำอาหารไปทำบุญที่วัด
เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษ
โดยการทำบุญจะทำบุญด้วยหฺมฺรับ ก็คือของใช้ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต และขนม
โดยขนมที่ใช้ในวันสารทเดือนสิบมี5อย่าง ก็คือ ขนมลา ขนมพอง ขนมบ้า ขนมดีซำ
และขนมกง แต่บางพื้นที่จะมีขนมไข่ปลาด้วย
ขนมแต่ละชนิดมีความหมายดังนี้
ขนมลา เป็นเสมือนเสื้อผ้าที่บรรพบุรุษใช้นุ่งห่ม
ขนมพอง เป็นเสมือนแพที่ให้บรรพบุรุษข้ามห้วงมหรรณพ
ขนมกง เป็นเสมือนเครื่องประดับ ใช้ตกแต่งร่างกาย ให้ดูภูมิฐานสวยงาม
ขนมบ้า เป็นเสมือนเม็ดสะบ้า เพื่อการละเล่นสะบ้า
ขนมดีซำ เป็นเสมือนเงินตราไว้ใช้สอย